SRIYA SUWANNARAT AIA FA MDRT Financial Advisor | Tel: 06-2996-5956

FAQ ประกันสุขภาพ

ก่อนการขาย
1. ให้ข้อมูล และ คำปรึกษาอย่างจริงใจ
ให้คำปรึกษา เพื่อให้ลูกค้าทราบถึงผลประโยชน์ และ สิทธิประโยชน์ตามความเป็นจริง
2. ติดตามเอกสาร และ ผลพิจารณาการรับประกัน
ติดตามเอกสาร และ ผลพิจาณา เพื่อรักษาสิทธิ์ของลูกค้า

หลังการขาย
1. ให้บริการปรึกษาก่อนการเคลม
ยินดีให้คำปรึกษาลูกค้าทุกท่าน ปรึกษาก่อนการเคลมเพื่อความสบายใจ และ ความมั่นใจในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล อย่างมืออาชีพ
2. ติดตามเอกสาร และ ผลพิจารณาการเคลม
ช่วยติดตามเอกสารเบิกเคลม หรือ ในกรณีมีข้อโต้แย้งเรื่องผลการรักษาทางการแพทย์ พวกเรายินดีเป็นตัวกลางในการประสานงาน ให้กับลูกค้าและบริษัท ด้วยความเต็มใจ
3. ของเยี่ยมไข้ และ ส่วนลดค่ารักษาพยาบาล
พวกเราคือทีมงานตัวแทน มืออาชีพในกรณีที่โรงพยาบาลมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากแผนประกันสุขภาพที่ลูกค้ามี หรือ ค่าบริการพิเศษอื่นๆ ที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครอง เรามีส่วนลดพิเศษให้กับลูกค้า

ค่ารักษาพยาบาล แยกประเภท (H&S)

ประกันสุขภาพแบบแยกประเภท เน้นคุ้มครองค่ารักษาการเจ็บป่วยที่ไม่รุนแรง การเบิกเคลมจะแยกออกตามวงเงินการรักษาแต่ละประเภท ค่อนข้างเข้าใจยาก และ มีวงเงินความคุ้มครองน้อย โดยจะพบเห็นได้ในประกันสุขภาพสมัยก่อน และ ประกันสุขภาพแบบกลุ่มกรณีพนักงานบริษัทเอกชน ใครที่มีแผนประกันแบบเก่านี้อยู่แนะนำให้ อัพเกรด เป็นแบบเหมาจ่ายจะคุ้มกว่ามาก

 

ค่ารักษาพยาบาล แบบเหมาจ่าย (H&S เหมาจ่าย)

คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย วงเงินตั้งแต่ 1-60 ล้านบาทต่อปี เป็นแผนประกันสุขภาพที่เข้าใจง่ายขึ้นกว่าแบบสมัยก่อน เพราะมีวงเงินความคุ้มครองที่สูง และ เหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริง

 

ค่าชดเชย รายได้ (HB)

กรณีเจ็บป่วย และเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล (ตามเงื่อนไข) บริษัทจะจ่ายเงินชดเชยให้เป็นรายวันกับผู้ทำประกัน

 

ค่าชดเชย โรคร้ายแรง (CI)

จะคุ้มครองเมื่อตรวจพบว่าเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรง (เจอ จ่าย จบ) โดยช่วงอายุวัยทำงานเบี้ยจะถูกมาก เป็นประกันสุขภาพที่ทุกคนควรมี เพราะเบี้ยไม่แพง แต่ให้ความคุ้มครองสูง

1. ดูตารางเบี้ยประกันสุขภาพตลอดสัญญา
เนื่องจากประกันสุขภาพ จะเพิ่มเบี้ยตามอายุที่มากขึ้นเป็นอัตราชั้นบันได ทุกปี หรือ ทุก 5 ปี
ดังนั้นการที่เราได้ดูตารางเบี้ยประกันสุขภาพทุกช่วงอายุ จะช่วยให้เราวางแผนการเงินในระยะยาวได้มั่นใจมากขึ้น

 

2. ดูความมั่นคงของบริษัทประกัน
ตารางเบี้ยประกันที่เราเห็นก่อนซื้อนั้น จะเป็นตารางของค่าเบี้ยประกันปีแรก ในอนาคตหากบริษัทประกันมีการจ่ายเคลมสูง หรือ ขาดทุน ก็มีสิทธิ์ที่จะปรับเบี้ยประกันสุขภาพปีต่อของเราได้ ดั้งนั้นการที่เราทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันที่มั่นคง และ มีความเชี่ยวชาญ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากเบี้ยประกันสุขภาพปีที่อาจปรับสูงมากกว่าที่เราคาดการณ์ หรือ ที่แย่กว่านั้นคือบริษัทประกันอาจไม่ต่อสัญญาประกันสุขภาพให้กับเราเพราะบริษัทขาดทุนก็เป็นไปได้

 

3. ประกันสุขภาพ สามารถปรับลดความคุ้มครองได้
ในอนาคตหากเราต้องการปรับลดแผนประกันสุขภาพเพื่อลดเบี้ยประกัน สามารถเซ็นเอกสารใบคำขอเปลี่ยนแปลงลดวงเงินความคุ้มครองกับตัวแทนได้ โดยจะได้รับความคุ้มครองสุขภาพต่อเนื่องต่อไป
แต่กลับกันถ้าในอนาคตเราต้องการเพิ่มวงเงินของแผนประกันสุขภาพ จะต้องสมัครทำประกันสุขภาพเข้าไปใหม่ ซึ่งก็ต้องเริ่มต้นนับระยะเวลารอคอยใหม่ และถ้าหากในอนาคตสุขภาพของเราไม่ดี หรือมีโรคประจำตัว ประกันแผนใหม่ก็จะไม่คุ้มครองแล้ว ดังนั้นถ้าวันนี้เรามีกำลังส่งเบี้ยได้ แนะนำให้ทำประกันสุขภาพแผนที่เราต้องการไปเลย เพราะอย่าลืมว่าค่ารักษาพยาบาลของเมืองไทยนั้นปรับสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 7% โดยจากประสบการณ์ทำงานยังไม่เคยมีลูกค้าขอลดวงเงินสุขภาพ มีแต่ต้องการเพิ่มวงเงิน และมีหลายๆเคสที่น่าเสียดายคือวันที่อยากทำประกันสุขภาพเพิ่ม แต่สุขภาพของพวกเขา ณ ปัจจุบันก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

 

4. วางแผนประกันสุขภาพระยะยาวแบบ UDR
คือการวางแผนส่งเบี้ยประกันสุขภาพเพียงชั่วระยะเวลานึง (10-30ปี) แต่จะให้ความคุ้มครองสุขภาพไปตลอดชีวิต โดยเบี้ยประกันปีแรกจะสูงขึ้นกว่าปกติ โดยจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่ว่าเราเลือกจะส่งเบี้ยสั้นหรือยาว ซึ่งการวางแผนแบบนี้ จะช่วยให้เราประหยัดค่าเบี้ยประกันสุขภาพในระยะยาวได้อย่างมาก และ เมื่อส่งเบี้ยประกันครบแล้ว ในอนาคตเราก็ไม่ต้องมานั่งคอยมาจ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพทุกๆปีอีกด้วย

  1. ไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน และ โรคที่เป็นมาแต่กำเนิด
    เงื่อนไขสำคัญของสัญญาประกันสุขภาพคือ ไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน ดังนั้น ก่อนทำประกันหากเรามีโรคที่เป็นมาก่อนทำประกัน ก็ควรแจ้งให้ตัวแทนทราบ เพื่อให้เราได้ทราบเงื่อนไข และ ข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกัน เป็นการรักษาสิทธิ์ของตัวเราเอง
  2. ยังไม่พ้นระยะเวลารอคอย (Waiting Period)
    ระยะเวลา 30 วัน
    คุ้มครองการเจ็บป่วยโรคทั่วไป เช่น เป็นหวัด ท้องเสีย ฯลฯ
    ระยะเวลา 90 – 120 วัน
    คุ้มครองการเจ็บป่วยการผ่าตัดเล็ก เช่น ไส้เลื่อน ต้อเนื้อ ต้อกระจก การตัดทอนซิล เยื่อบุโพรงจมูก ฯลฯ
    ระยะเวลา 180 วัน
    คุ้มครองทุกโรค รวมถึงโรคร้ายแรง
  3. สัญญาประกันสุขภาพ ไม่คุ้มครองตั้งแต่แรก
    สัญญาประกันสุขภาพมีหลายแบบ แนะนำให้ศึกษาแผนประกันสุขภาพให้ดีก่อนทำประกัน โดยสามารถสอบถามตัวแทนที่ไว้ใจได้เลย
  1. วงเงินความคุ้มครองต่อปี

ในยุคปัจจุบัน แนะนำว่าควรมีวงเงินค่ารักษาพยาบาล 5 ล้านบาทต่อปี ขึ้นไป

  1. วงเงินค่าห้อง (ประกอบด้วย 4 หมวด)

2.1 ค่าห้อง

2.2 ค่าอาหาร

2.3 ค่าบริการพยาบาล

2.4 ค่าบริการโรงพยาบาล และ อื่นๆ

  1. ความมั่นคงของบริษัทประกัน

ข้อนี้สำคัญมากนะ เพราะถ้าเกิดอยู่ดีๆ เบี้ยประกันถูกปรับเพิ่ม หรือ บริษัทประกันขอยกเลิกไม่ต่อประกันสุขภาพให้เรา การที่เราจะไปสมัครทำประกันสุขภาพใหม่กับบริษัทประกันอื่นถ้าในอนาคตสุขภาพไม่ดีหรือมีประวัติเจ็บป่วยมาแล้ว ก็อาจถูกเพิ่มเบี้ย หรือ มีข้อยกเว้นความคุ้มครอง

  1. เบี้ยประกันสุขภาพในระยะยาว

เบี้ยประกันสุขภาพจะปรับเพึ่มขึ้นตามช่วงอายุอยู่แล้ว ซึ่งในแต่ละบริษัทแนวทางการคำนวณเบี้ยประกันก็แตกต่างกัน เช่น บางบริษัทอายุน้อยเบี้ยถูก อายุเยอะเบี้ยแพง ดังนั้นการที่เราศึกษาข้อมูลวางแผนการชำระเบี้ยในอนาคตไว้ก็จะช่วยให้เราวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น

  1. จะได้ต่อสัญญาประกันสุขภาพได้ระยะยาว

เพราะสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพจะต่อสัญญาได้ไม่เกินระยะเวลาคุ้มครองสัญญาประกันชีวิตนั่นเอง

  1. ประกันสุขภาพไม่คุ้มครองโรคที่เป็นมาก่อน

ถ้าเราทำประกันสุขภาพในวันที่แข็งแรง บริษัทประกันจะคุ้มครองการเจ็บป่วยของเราทุกโรค ถ้าสัญญาหลักประกันชีวิตเราครบกำหนดสัญญา สัญญาประกันสุขภาพของเราก็สิ้นสุดเช่นกัน อนาคตข้างหน้าหากจะทำประกันสุขภาพใหม่ ก็ต้องซื้อประกันชีวิตเล่มใหม่ และ ต้องอ้างอิงจากประวัติสุขภาพของเรา ณ เวลานั้น

  1. ระยะเวลารอคอย (Wating Period)

หลังทำประกันสุขภาพแล้ว ประกันจะยังไม่คุ้มครองเราทันที (ยกเว้นกรณีอุบัติเหตุ) จะต้องให้ผ่านช่วงระยะเวลารอคอยไปก่อน โดยสำหรับโรคทั่วไปคือ 30 วัน และ โรคร้ายแรงคือ 180 วัน ดังนั้นถ้าเราจะซื้อหรือเปลี่ยนแผนประกันสุขภาพ ระยะเวลารอคอยก็ต้องมาเริ่มต้นนับ 1ใหม่ทุกครั้ง ซึ่งคงเสียความรู้สึกมากหากเราเกิดมาเจ็บป่วยตรงช่วงระเวลารอคอยที่ประกันสุขภาพยังไม่คุ้มครอง

  1. อายุเยอะ ทำประกันฉบับใหม่ได้ยากกว่า

ใช่แล้ว สัญญาประกันชีวิตจะมีการกำหนดอายุการรับประกันอยู่ เช่น อายุรับสมัครทำประกัน 0 – 75 ปี ซึ่งถ้าเกิดเราไม่ได้วางแผนแล้วสัญญาประกันชีวิตที่แนบสัญญาประกันสุขภาพของเรามาครบกำหนดตอนอายุ 76 ปี เราก็ไม่สามารถซื้อประกันสุขภาพฉบับใหม่ได้แล้ว หรือถึงแม้สัญญาปัจจุบันจะครบสัญญาตอนที่เราอายุไม่ถึง 75 ปี เราก็ไม่รู้ว่าสุขภาพเราในตอนนั้นจะยังแข็งแรงดีอยู่หรือเปล่า เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเราจะทำประกันสุขภาพฉบับใหม่ก็อาจจะมีข้อยกเว้นไม่คุ้มครองโรคที่เราเป็นมาก่อน ซึ่งน่าเสียดายมากๆ

 

  1. ความมั่นคง

AIA เป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีความมั่นคง และ ยึดหลักธรรมาภิบาล ได้รับความไว้วางใจจากคนไทยมากว่า 80 ปี จึงมั่นใจได้ในความคุ้มครอง ด้วยเบี้ยประกันและผลตอบแทนที่แน่นอน

อันดับความน่าเชื่อถือของ AIA

  1. บริการหลังการขาย / ส่วนลดเบี้ยปีต่อ

AIA มีระบบดูแลลูกค้าหลังการขายที่ยอดเยี่ยม รวมทั้งแคมเปญส่งเสริมให้ลูกค้ารักษาสุขภาพ เช่น

– ส่วนลดเบี้ยประกันสุขภาพปีต่อ AIA Vitality

– ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ฟรี AIA ALive

– บริการดูแลผู้ป่วยรายบุคคล Medix

  1. เป็นสัญญาแบบ New Health Standard รับรองโดย คปภ.

โดยสาระสำคัญคือ บริษัทประกันไม่สามารถยกเลิกความคุ้มครองสุขภาพของลูกค้าได้ แม้ว่าจะเคลมเยอะเท่าไรก็ตาม (ยกเว้นลูกค้าฉ้อฉลประกัน) และ กรณีบริษัทประกันขาดทุนจะไม่สามารถปรับเพิ่มเบี้ยลูกค้าเป็นรายบุคคลได้ โดยต้องพิจารณาการปรับเบี้ยดูจากผลประกอบการของบริษัทในภาพรวมเท่านั้น

  1. บริษัทประกันชีวิต อันดับ 1 ของประเทศไทย

AIA เป็นบริษัทประกันที่มีความมั่นคง และ อยู่คู่คนไทยมากว่า 80 ปี มีความมั่นคงทางการเงิน และ จำนวนลูกค้าเยอะที่สุดในประเทศไทย ซึ่งดีต่อการการจายความเสี่ยงเรื่องประกัน ลูกค้าสามารถมั่นใจได้ใน ความคุ้มครองในระยะยาว ด้วย เบี้ยประกันที่มั่นคง

อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท AIA

AIA แบรนด์ อันดับ 1 ของคนไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10

SRIYAWEALTHPLAN.COM : บริการวางแผนการเงินออนไลน์ โดยที่ปรึกษาทางการเงิน มืออาชีพ
Logo